
ทำไมคีย์บอร์ดถึงมี “แถบนูน” ที่ปุ่ม F และ J เท่านั้น
วันที่โพส 29 ก.ย. 2568 ผู้ชม 234
ทำไมคีย์บอร์ดถึงมี “แถบนูน” ที่ปุ่ม F และ J เท่านั้น
หลายคนที่ใช้คีย์บอร์ดเป็นประจำ อาจสังเกตว่ามี “แถบนูนเล็ก ๆ” อยู่บนปุ่ม F และ J เท่านั้น บางคนอาจไม่เคยคิดว่ามันมีประโยชน์อะไร หรือใส่มาเพื่อความสวยงาม แต่ความจริงแล้วนี่คือ สิ่งเล็ก ๆ ที่ถูกคิดค้นมาเพื่อเปลี่ยนวิธีการพิมพ์ทั้งโลก
ประโยชน์ของแถบนูนบน F และ J
-
ช่วยหาตำแหน่งมือโดยไม่ต้องก้มมอง
ปุ่ม F และ J เป็นตำแหน่งที่ นิ้วชี้ ของมือซ้ายและขวาควรอยู่เวลาเริ่มพิมพ์แบบสัมผัส (Touch Typing) เมื่อสัมผัสถึงแถบนูนนี้ ผู้ใช้จะรู้ทันทีว่ามืออยู่ในตำแหน่งถูกต้อง -
ทำให้การพิมพ์สัมผัสเป็นไปได้จริง
หากไม่มีแถบนูนนี้ การวางนิ้วให้อยู่บน "แถวหลัก" (Home Row: ASDF – JKL;) จะเป็นเรื่องยากขึ้น ต้องมองแป้นอยู่ตลอดเวลา -
เพิ่มความเร็วและความแม่นยำ
ผู้ที่ฝึกพิมพ์สัมผัสสามารถพิมพ์ได้เร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลาหาตำแหน่งแป้นพิมพ์
ประวัติและการคิดค้น
-
จุดเริ่มต้นของการพิมพ์สัมผัส
แนวคิดการพิมพ์สัมผัสเกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย แฟรงก์ เอ็ดเวิร์ด แม็กกวอร์ริน (Frank Edward McGurrin) นักพิมพ์ดีดจากสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1888 เขาใช้วิธี “ไม่มองคีย์บอร์ด” และสามารถเอาชนะการแข่งพิมพ์ดีดได้ วิธีนี้จึงกลายเป็นต้นแบบการพิมพ์สัมผัสที่เราใช้มาถึงปัจจุบัน -
การเพิ่มแถบนูน
หลังจากการพิมพ์สัมผัสเริ่มเป็นที่นิยม ผู้ผลิตคีย์บอร์ดก็พยายามหาวิธีช่วยให้ผู้ใช้วางนิ้วได้แม่นยำขึ้น จนในปี ค.ศ. 1960 บริษัทผู้ผลิตคีย์บอร์ด (เช่น IBM) เริ่มใส่ แถบนูนเล็ก ๆ บนปุ่ม F และ J เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกถึงตำแหน่งนิ้วชี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องมอง -
มาตรฐานสากล
ต่อมาแถบนูนนี้กลายเป็น มาตรฐานสากล ที่คีย์บอร์ดทุกยี่ห้อทั่วโลกต้องมี ไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก หรือแม้แต่คีย์บอร์ดบนเครื่อง ATM และเครื่องคิดเงินบางรุ่น
เรื่องเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่
แม้จะเป็นเพียง “แถบนูนเล็ก ๆ” แต่ก็มีบทบาทสำคัญต่อการพิมพ์สัมผัส ซึ่งเป็นพื้นฐานของการทำงานบนคอมพิวเตอร์เกือบทุกสาขาอาชีพ หากไม่มีแถบนูนนี้ เราอาจต้องพิมพ์ช้าลงหรือยังต้องก้มมองคีย์บอร์ดอยู่เสมอ
เรียกได้ว่า แถบนูน F และ J คือเครื่องหมายเล็ก ๆ ที่พลิกโฉมการพิมพ์ทั้งโลก