แสดงผลปกติ
Image

อันตราย เตือนประชาชน “สแกนม่านตา” แลกรับเงิน 500-1,000 บาท เสี่ยงข้อมูลรั่วไหล

วันที่โพส 20 พ.ย. 2568 ผู้ชม 160


เตือนภัย! แพร่ระบาดการหลอกให้ “สแกนม่านตา” แลกเงิน 500–1,000 บาท รัฐบาลย้ำอันตราย เสี่ยงข้อมูลชีวภาพรั่วไหล

  รัฐบาลออกมาเตือนประชาชนอย่างเร่งด่วน หลังพบกระแสการชักชวนให้ประชาชน “สแกนม่านตา” เพื่อแลกเงินค่าตอบแทน 500–1,000 บาท กำลังแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลชีวภาพที่มีความอ่อนไหวสูง และเสี่ยงถูกนำไปใช้ในทางมิชอบในอนาคต

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเติบโตของเทคโนโลยีและระบบยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลชีวภาพ (Biometrics) อย่างลายนิ้วมือ การจดจำใบหน้า และการสแกนม่านตา แม้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งภัยคุกคามรูปแบบใหม่ โดยล่าสุด สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) รายงานว่ามีกลุ่มบุคคลชักชวนให้ประชาชนสแกนม่านตาเพื่อแลกเหรียญสกุลเงินดิจิทัล โดยสัญญาว่าจะได้รับเงินสด 1,000 บาทภายใน 24 ชั่วโมง และผู้แนะนำจะได้ค่าตอบแทนเพิ่มอีก 500 บาทต่อราย

รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า “ม่านตา” ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลทางชีวภาพที่มีมูลค่าสูงมาก เนื่องจากมีความเฉพาะตัว ไม่สามารถเปลี่ยนใหม่ได้เหมือนรหัสผ่าน หากข้อมูลรั่วไหลจะสร้างความเสียหายร้ายแรง โดยรัฐบาลขอให้ประชาชนตระหนักว่าเงินเพียงเล็กน้อยไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ภัยที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ข้อมูลสแกนม่านตา

  1. ข้อมูลรั่วไหล (Iris Code Leak)
    หากรหัสม่านตาถูกนำไปใช้ในทางผิดกฎหมาย อาจถูกนำไปใช้ในการปลอมตัวหรือเจาะระบบความปลอดภัยที่ใช้ข้อมูลชีวภาพในการยืนยันตัวตน

  2. การถูกสวมรอย (Identity Theft)
    ม่านตาเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงบริการออนไลน์ หรือธุรกรรมทางการเงิน หากถูกขโมยอาจนำไปสู่การปลอมแปลงตัวตนได้

  3. การสร้าง Deepfake ขั้นสูง
    ข้อมูลชีวภาพอาจถูกนำไปสร้าง Deepfake ประเภทใหม่ที่อาศัยข้อมูลทางกายภาพในการหลอกระบบรักษาความปลอดภัย

รองโฆษกรัฐบาลระบุว่า หลายประเทศ เช่น สเปน บราซิล อินเดีย และเยอรมนี ยังไม่อนุญาตให้มีการเก็บข้อมูลม่านตาในลักษณะเชิงพาณิชย์ เนื่องจากกังวลต่อความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย

กรมการปกครองย้ำ ไม่ใช่โครงการของรัฐ

กรมการปกครองรายงานว่า พบมีผู้ใช้เครื่องสแกนม่านตาแบบ Orb ออกเดินสำรวจตามห้างสรรพสินค้าและพื้นที่สาธารณะ พร้อมชักชวนประชาชนให้ร่วมสแกนเพื่อแลกเงินสกุลดิจิทัล อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าว ไม่ใช่การจัดเก็บข้อมูลของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง หรือหน่วยงานภาครัฐใด ๆ

ตำรวจไซเบอร์เร่งติดตาม

ขณะนี้ตำรวจไซเบอร์ (บช.สอท.) อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการดำเนินการของกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมติดตามเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมต่อประชาชน

เปิด-ปิด messenger การเดินทางด้วย Google Map ติดต่อเกี่ยวกับไอทีและหอสมุดกลาง